วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ : IS3

กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ : IS3
**************************

กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์: IS3 เป็นกิจรรมที่นำความรู้ หรือประยุกต์ใช้ความรู้จากสิ่งที่ศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้จากรายวิชาเพิ่มเติม (IS1, IS2) ไปสู่การปฏิบัติ ในการสร้างสรรค์ โครงงาน /โครงการต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือบริการสังคม ชุมชน ประเทศหรือสังคมโลก มีการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ วางแผนการทำงาน และตรวจสอบความก้าวหน้า วิเคราะห์ วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการโดยใช้กระบวนการกลุ่มเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ให้มีความตระหนักรู้ มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม

เป้าหมายการดำเนินกิจกรรม

1. วิเคราะห์องค์ความรู้จากการเรียนใน IS1 และ IS2 เพื่อกำหนดแนวทางไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม (Public service)
2. เขียนเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ เค้าโครง กิจกรรม/โครงงานและแผนปฏิบัติโครงงาน / โครงการ
3. ปฏิบัติตามแผนและตรวจสอบความก้าวหน้าทางการปฏิบัติโครงงาน/โครงการ
4. ร่วมแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิพากษ์ การปฏิบัติโครงงาน/โครงการ
5. สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม/โครงงาน/โครงการ และแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ต่อผลการปฏิบัติงานหรือกิจกรรม ซึ่งแสดงถึงการตระหนักรู้ มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ สามารถปรับให้เหมาะสมกับความสนใจ ระดับชั้นของผู้เรียน และบริบทความพร้อมของโรงเรียน
















แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
********************************

โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยาได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social Service Activity) ตามหลักการ แนวดำเนินการ ลักษณะและขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
1.หลักการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ มีหลักการจัดดังนี้
1.1นำความรู้ หรือประยุกต์ใช้ความรู้จากสิ่งที่ศึกษาค้นคว้า ไปสู่การปฏิบัติในการสร้างสรรค์โครงงาน/โครงการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือบริการสังคม ชุมชน ประเทศและสังคมโลก
1.2เน้นให้ผู้เรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน ออกแบบการจัดกิจกรรม มีการกำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์ วางแผนการปฏิบัติ ปฏิบัติกิจกรรมตามแผน และตรวจสอบความก้าวหน้า ร่วมสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรมวิเคราะห์วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม
1.3มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ : IS3 มีทักษะการคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้ ตระหนักรู้ มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
2.แนวดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ผู้เรียนทุกคน ต้องเข้าร่วมปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ดังนี้
2.1 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (.1 -.3) จำนวน 20 ชั่วโมง กิจกรรมภายในโรงเรียน หรือภายนอกโรงเรียน เป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ
2.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (.4 -.6) จำนวน 20 ชั่วโมง เลือกกิจกรรมภายในโรงเรียน หรือภายนอกโรงเรียน เป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมและโลก และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ
3. ลักษณะการทำโครงงาน โครงการ กิจกรรม แบ่งได้ 3 ลักษณะ
3.1 จัดกิจกรรมตามองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์
3.2 จัดกิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนนำเสนอ ต่อโรงเรียน เพื่อขอความเห็นชอบในการจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม ซึ่งมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ชัดเจน มีการรายงานผลและเผยแพร่เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม
3.3 จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอื่น หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานหรือองค์กรอื่น ๆ

4. ขั้นตอนการทำโครงงาน โครงการ กิจกรรม ดังนี้
4.1 ผู้เรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน
4.2 นักเรียนร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม กำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์ วางแผน การปฏิบัติ
4.3 ให้นักเรียนจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม และเสนอขอความเห็นชอบจากครูที่ปรึกษา ระดับชั้น และขออนุมัติจากผู้บริหาร โดยครูที่ปรึกษากำกับติดตามอย่างใกล้ชิด
4.4 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามแผน และตรวจสอบความก้าวหน้า ร่วมสรุปและประเมินผลและรายงานผลการจัดกิจกรรม วิเคราะห์ วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม
4.5 ประกวดพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ โครงการ โครงงาน และกิจกรรม

การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child Centered) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงฝึกฝนทักษะต่างๆและร่วมเรียนรู้ตลอดกระบวนการ เป็นActive Learner อย่างแท้จริง การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ โดยการถ่ายโอนประสบการณ์เดิมและความรู้ที่มีอยู่ในตัวผู้เรียนแล้ว (Transformation of experience) การเรียนรู้เกิดขึ้นจากกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถใช้ประสบการณ์เดิมในการทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อสร้างการเรียนรู้ใหม่ และเพื่อปรับกระบวนการตัดสินใจในการทำหรือไม่ทำ....ในครั้งต่อไป มีหลักสำคัญดังนี้
1. เป็นการเรียนรู้ที่อาศัยประสบการณ์ของผู้เรียน
2. ทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆที่ท้าทายอย่างต่อเนื่องและเป็นการเรียนรู้ที่เรียกว่า Active Learning
3. มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
4. ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการขยายตัวของเครือข่ายความรู้และประสบการณ์ที่ทุกคนมีอยู่ออกไปอย่างกว้างขวาง
5. มีการสื่อสารโดยการพูดหรือการเขียนเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยน วิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้ พฤติกรรม ผลงาน ประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียนผ่านการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ มีหลากหลาย กล่าวคือ
ผู้เรียนสามารถ
- มองเห็นลู่ทางการนำองค์ความรู้เชิงวิชาการที่เรียนมาแล้ว ทักษะการดำรงชีวิตหลากหลายที่เคยได้รับการเสริมสร้าง เช่น ทักษะสังคม (Social skill) ทักษะส่วนบุคคล (Personal skill) ประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตจริง
- นำประโยชน์และคุณค่าที่แท้จริงจากการเรียนรู้สู่ทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น
- รู้ความสามารถศักยภาพของตนเองที่แตกต่างกับผู้อื่น
- สามารถตัดสินใจที่เกิดผลจริงและตรงบนพื้นฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ มิใช่การคาดเดา (real result)
- พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์
- พัฒนาสำนึกความรับผิดชอบ (responsibility and accountability ) และรับผิดชอบ ในการกระทำของตนเอง

5. วงจรการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (The cycle of experiential learning)
สาระสำคัญแต่ละขั้นตอนในวงจรการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
                      
1. ขั้นวางแผน (Plan) เป็นการเริ่มต้นการทำกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วยการกำหนดเป้าหมายความสำเร็จและทำความกระจ่างในเป้าหมาย รวมทั้งการตัดสินใจว่าจะใช้องค์ความรู้และประสบการณ์เดิมที่แต่ละคนมี อยู่มาใช้อย่างไร (how)
2. ขั้นลงมือปฏิบัติ (Act) เป็นขั้นลงมือปฏิบัติกิจกรรม / เรียนรู้เพื่อบรรลุเป้าหมายและผลการเรียนรู้ โดยใช้ประสบการณ์เดิมที่เป็นรูปธรรม/องค์ความรู้ที่มีอยู่เป็นฐานในการเรียนรู้ใหม่
3. ขั้นสังเกต (Observe/Analyze) เป็นขั้นการวิเคราะห์การรับรู้ของผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้สังเกตและใคร่ครวญถึง ความรู้สึกของตนเองรวมทั้งปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้เรียนกับสมาชิกในกลุ่มและผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ทั้งนี้ ประสบการณ์จะแปรเปลี่ยนเป็นการเรียนรู้ก็ต่อเมื่อเจ้าของประสบการณ์ได้ใคร่ครวญถึงอารมณ์ ความคิดและการกระทำของตนเองในเหตุการณ์นั้นๆ ไม่ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแต่ผ่านพ้นและจบลงไป
4. ขั้นสะท้อน (Reflect) เป็นขั้นสะท้อนให้เห็นถึงสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน ประเด็นสำคัญที่ได้เรียนรู้ องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นผู้เรียน จุดแข็งและความท้าทายของแต่ละคน รวมทั้งเป็นขั้นการประเมินการปฏิบัติของผู้เรียน สังเคราะห์ความรู้ ความเข้าใจใหม่ๆ นับเป็น ขั้นตอนที่สำคัญยิ่งของวงจรการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ ความสามารถในการสะท้อน (Reflection) การเรียนรู้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่มีความจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและสั่งสมประสบการณ์จากการฝึกฝนและชี้แนะ ทั้งนี้เทคนิคสำคัญ คือ การใช้คำถาม ในระยะเริ่มต้นอาจใช้คำถามพื้นฐานพื้นฐานง่าย ๆ เช่น
ตัวเรา เพื่อน นักเรียนอื่นๆ วางแผนจะทำอะไร
ตัวเรา เพื่อน นักเรียนอื่นๆ ทำอะไร คิดอย่างไรกับกิจกรรมที่ทำ
ตัวเรา เพื่อน นักเรียนอื่นๆ รู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้อะไร กิจกรรมที่ทำมีคุณค่าอย่างไร
ผลที่เกิดกับตัวเรา เพื่อน และเพื่อนนักเรียนอื่นๆ ทีมงานและคนอื่น ๆ คืออะไร
ได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรม สิ่งที่ได้เรียนรู้นำไปใช้ในวงกว้างอย่างไร
ทั้งนี้ สิ่งที่ควรตระหนักในการใช้คำถาม คือ ความยากไม่ได้อยู่ที่การตั้งคำถาม แต่อยู่ที่ความซับซ้อนของคำตอบที่ตามมา
5. ประยุกต์ (Apply) เป็นการนำผลการเรียนรู้ประสบการณ์และองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ ๆ และใช้ในชีวิตประจำวัน
David A. Kolb อธิบายว่า กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ กล่าวคือ เมื่อบุคคลได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งและได้เห็นผลของการกระทำนั้น ก็จะเกิดความเข้าใจและนำไปสู่การคาดการณ์ในคราวต่อๆไปว่าหากมีเหตุการณ์อย่างนี้ก็จะมีผลตามมาอย่างนั้น บุคคลจะสั่งสมความเข้าใจถึงเหตุและผลของการกระทำที่เกิดต่างกรรมต่างวาระไปจนสามารถสรุปเชื่อมโยงเป็นหลักการที่สามารถนำไปอธิบายปรากฏการณ์อื่นๆที่ใกล้เคียงกัน และนำไปสู่การทดลองหลักการนั้นๆว่าได้ผลอย่างไรในสถานการณ์ใหม่ๆ หัวใจของการเรียนรู้แบบนี้อยู่ที่การได้มีประสบการณ์ตรงซึ่งจะเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นในการก่อรูปเป็นองค์ความรู้ใหม่

6. บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง
การดำเนินการของโรงเรียนบทบาทหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ในการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนจะต้องดำเนินการ ในเรื่องต่อไปนี้
1. โรงเรียนจะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้เรียน
2. โรงเรียนกำหนดหัวข้อโครงงาน ( Project Work ) จำนวนหนึ่งและจัดทำเป็นรายการโครงงานอย่างเป็นระบบ ( Directory ) สำหรับให้ผู้เรียนเลือกดำเนินการในแต่ละปีการศึกษาหรือผู้เรียนนำเสนอกิจกรรม/โครงการ/โครงงานตามความสนใจ
3. ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมตามที่ระบุไว้ในโครงงานภายใต้การดูแลของครูที่ปรึกษา
4. ครูที่ปรึกษาควบคุมดูแลกำกับติดตามการดำเนินงานต่างๆ ให้กิจกรรม บรรลุเป้าหมาย
5. ครูผู้สอน/ที่ปรึกษาและผู้เรียนร่วมกันประเมินผลการทำกิจกรรม โดยให้นักเรียนประเมินตนเองเกี่ยวกับประโยชน์ที่เกิดต่อตนเอง และต่อผู้อื่น และให้นักเรียนประเมินผลที่ตนเองและผู้อื่นรวมทั้งสังคมได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม
ภาระหน้าที่ของครูผู้สอนหรือครูที่ปรึกษา
1. ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกติกาและข้อกำหนดของกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ กับผู้เรียน
2. แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองจากการทำกิจกรรมพร้อมให้ข้อคิดเห็น
3. สนับสนุนการคิดและทำกิจกรรมของผู้เรียนและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง โดยช่วยประสานหน่วยงานอาสาสมัครต่างๆ
4. ประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน รายงานผลให้ผู้เกี่ยวข้อง

บทบาทหน้าที่ของผู้เรียน
เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ ดังกล่าว ผู้เรียนจะต้องมีการวางแผน บริหารจัดการตนเอง ในสิ่งต่างๆต่อไปนี้
- ทบทวนตนเองตั้งแต่เริ่มต้นของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายของการทำงานของตนเอง โดยผู้เรียนควรจะตั้งคำถามต่อไปนี้กับตนเอง ได้แก่
1. ผู้เรียนสามารถบอกลักษณะหรืออธิบายเกี่ยวกับกิจกรรม
2. กิจกรรมที่คิดขึ้นจะให้ประสบการณ์อะไร ทำไมจึงเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่
สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือ และกิจกรรมอาสาสมัครช่วยสังคมได้อย่างไร
3. ผู้เรียนสามารถระบุบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมได้หรือไม่
4. ผู้เรียนวางแผนวัดและประเมินผลกิจกรรมไว้อย่างไร
5. ผู้เรียนได้คำนึงถึงทักษะและความรอบรู้ที่ให้เกิดเป็นผลสัมฤทธิ์จากการเข้าร่วมกิจกรรม
6. ผู้เรียนสามารถบอกได้หรือไม่ว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการทำกิจกรรม
7. ใครเป็นผู้ช่วยเหลือ ให้การสนับสนุน
8. ผู้เรียนได้คะแนนหรือค่าตอบแทนสำหรับการทำกิจกรรมนี้หรือไม่ และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถ
คิดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ผู้เรียนจะต้องบอกได้ว่า กิจกรรมนี้เป็นบทบาทใหม่ของผู้เรียนหรือไม่ อย่างไร เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้จริงหรือไม่ เป็นกิจกรรมที่เกิดผลอย่างแท้จริงกับตัวผู้เรียนเองและผู้อื่นหรือไม่ ผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรจากการทำกิจกรรม กิจกรรมที่ผู้เรียนสร้างสรรค์ขึ้นให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้อื่น และอย่างไร ผู้เรียนได้อะไรในระหว่างการทำกิจกรรม
- วางแผน ดำเนินงานตามแผนที่กำหนดและพิจารณาผลหรือบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรม
- เขียนรายงานเกี่ยวกับการทำกิจกรรมทั้งหมดและประสบการณ์จากการทำกิจกรรมและผลที่ได้รับจาก การทำกิจกรรม
- เขียนรายงานเกี่ยวกับการทำกิจกรรม ทั้งหมดรวมทั้งประสบการณ์จากการทำกิจกรรมและผลที่ ได้รับจากการทำกิจกรรมและจากตัวกิจกรรมเอง
- เผยแพร่กิจกรรมพร้อมแสดงหลักฐานประกอบโดยใช้สื่อประเภทต่างๆ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ บล็อก
( blog ) รูปภาพ เว็บไซต์ ( Website ) หรือเอกสารอื่นๆ เป็นต้น


6. การวัดและประเมินผลกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์


การประเมินเพื่ออนุญาตให้ผู้เรียนทำโครงการ/โครงงาน/กิจกรรม ที่ผู้เรียนนำเสนอ ผู้รับผิดชอบจะต้องมีเกณฑ์การพิจารณา โดยทั่วไปแล้ว สถานศึกษาจะใช้เกณฑ์ (Criteria) 4 ประการ พิจารณากิจกรรมดังนี้
1. กิจกรรมที่ทำได้จริง มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
2. กิจกรรมท้าทายความสามารถส่วนบุคคลของผู้เรียนแต่ละคนต้องทำให้ขอบข่ายภาระงานทั้งหมดที่กำหนดไว้เสร็จสิ้นทุกประการ
3. กิจกรรมที่มีการคิดวางแผนการทำงานของตนเองอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผน การทบทวนกิจกรรม การรายงานความก้าวหน้า และการรายงานผลการดำเนินการ
4. กิจกรรมที่เกิดผลลัพธ์ (Outcomes) และผลการเรียนรู้รวมทั้งประสบการณ์ที่ได้รับจากการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด

การวัดและประเมินผลการทำกิจกรรม
ในการวัดและประเมินผลการทำกิจกรรม กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ไม่มีการวัดและประเมินผลที่เป็นผลสัมฤทธิ์เหมือนกับการวัดและประเมินผลการเรียนสาระการเรียนรู้ แต่ผู้เรียนจะต้องเขียนรายงานผลการดำเนินงานให้มีเค้าโครง ในสาระต่อไปนี้
1. ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมอะไร
2. ทำกิจกรรมดังกล่าวร่วมกับใคร
3. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรม
4. และประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมสิ่งที่ผู้เรียนถือเป็นคุณค่า (Values) ที่ได้รับจากกระบวนการทำกิจกรรม
5. ผู้เรียนมีความคิดเห็นอย่างไร กับการได้ทำกิจกรรม
6. ผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวผู้เรียน
7. ผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้ร่วมงาน/ทีมงาน
8. และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น
นอกจากรายงานเกี่ยวกับผลการเรียนรู้ 8 ประเด็นดังกล่าวแล้ว ผู้เรียนสามารถแสดงผลงาน โดยใช้เอกสารอื่นๆ ประกอบ ได้แก่ บันทึกการทำกิจกรรม บล็อก (blog) แผ่นซีดี (CD) ภาพถ่าย วีดิทัศน์ ดีวีดี (DVD) การเล่าเรื่องด้วยภาพถ่าย (Photo Essay) หรือ Portfolio เป็นต้น เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าผู้เรียนได้รับประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของกิจกรรมตามที่กำหนดครบถ้วนทุกประการและเกิดประโยชน์จากการปฏิบัติกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์
การตรวจสอบประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรม
กิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพต้องเป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยตนเองตามความสนใจ ผู้เรียนลงมือปฎิบัติและมีส่วนร่วมในกิจกรรมตลอดกระบวนการภายใต้การดูแลสนับสนุนของครูที่ปรึกษา ตั้งแต่ขั้นการวางแผน ลงมือปฎิบัติตามแผน การวิเคราะห์ สังเคราะห์ การสะท้อนผลการดำเนินการควรจัดทำรายการสิ่งที่ผู้เรียนต้องดำเนินงานตามขั้นตอน และให้ผู้เรียนตรวจสอบความเข้าใจในกระบวนการทำงานของตนเอง ทั้งนี้หากพบว่ามีขั้นตอนใดที่ผู้เรียนยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ครูที่ปรึกษา/ผู้สอนสามารถให้คำแนะนา อย่างเป็นระบบ ดังตัวอย่างต่อไปนี้



ตัวอย่างการจัดกิจกรรมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social Service Activity)
ลำดับ



กิจกรรม
ชั่วโมง
หมายเหตุ
1
วิเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อกำหนดแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน เช่น
-สิ่งแวดล้อม
-ปัญหาและผลกระทบต่อวิถีชีวิต การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม
-การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-แนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (เลือกเฉพาะเรื่องที่สนใจจะอนุรักษ์) ฯลฯ

3
จำนวนชั่วโมงขึ้นอยู่กับบริบทของโรงเรียน
2
วางแผนการทำกิจกรรม เพื่อนำความรู้ไปสร้างประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน โดยจัดทำรายละเอียดและตารางเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการ / โครงงาน / กิจกรรมที่จะดำเนินการ เช่น
-โครงการเผยแพร่ความรู้ เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-โครงการรณรงค์สร้างจิตสานึก เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-โครงการผลิตสื่อการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

2

3
ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินที่กำหนด เช่น
-ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินการดำเนินงานโครงการเผยแพร่ความรู้ เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินการดำเนินงานโครงการรณรงค์สร้างจิตสำนึก เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินการดำเนินงานโครงการผลิตสื่อการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

10

4
สรุปผลการดำเนินกิจกรรม เช่น
-บันทึกผลการดำเนินกิจกรรม
-สะท้อนความคิดเห็นของตน / ชุมชนในการทำกิจกรรม
-อภิปรายและสรุปผลการดำเนินกิจกรรม ฯลฯ

2



ลำดับ



กิจกรรม
ชั่วโมง
หมายเหตุ
5
เผยแพร่ผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น
-จัดทำแผ่นพับเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำเว็บไซต์ หรือเผยแพร่ผลงานในเว็บไซต์
-จัดทำ Facebook หรือเผยแพร่ผลงานใน Facebook
-จัดทำป้ายนิเทศ หรือไวนิลเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำ CD DVD เผยแพร่ผลงาน
-จัดนิทรรศการเผยแพร่ผลงาน
ฯลฯ
3


รวม
20






ตัวอย่างกิจกรรมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social Service Activity) เรื่อง สิ่งแวดล้อม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักเรียนนำองค์ความรู้ที่ศึกษาค้นคว้ามาใช้ในการหาแนวทางและวิธีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับตนเอง ชุมชน สังคมและโลก
2. เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติการเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
3. เพื่อปลูกฝังเรื่อง ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
ผลงาน (เปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกตามความสนใจ ความถนัด และความสามารถ)
-จัดทำแผ่นพับเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำเว็บไซต์ หรือเผยแพร่ผลงานในเว็บไซต์
-จัดทำ Facebook หรือเผยแพร่ผลงานใน Facebook
-จัดทำป้ายนิเทศ หรือไวนิลเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำ CD DVD เผยแพร่ผลงาน
-จัดนิทรรศการเผยแพร่ผลงาน
วิธีดำเนินการ
1. ครูชี้แจงและแจ้งวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
บูรณาการกับกิจกรรมการนาองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social Service Activity)
2. นักเรียนวิเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อกำหนดแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน
3. นักเรียนวางแผนการทำกิจกรรม เพื่อนำความรู้ไปสร้างประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน โดยจัดทำรายละเอียดและตารางเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการ / โครงงาน / กิจกรรมที่จะดำเนินการ
4. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินที่กำหนด
5. นักเรียนสรุปผลการดำเนินกิจกรรม
6. นักเรียนเผยแพร่ผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย
7. ครูและนักเรียนร่วมกันประเมินผลงาน และสรุปบทเรียน
สื่อและอุปกรณ์ (เลือกให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่จัด)
วัสดุ อุปกรณ์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ของจริง ของจำลอง
การวัดและประเมินผล
1. การสังเกตและตรวจผลงาน / การปฏิบัติจริง
2. แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลงาน / การปฏิบัติจริง





สมุดบันทึกกิจกรรม
เพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3
(Social Service Activity)

ชื่อกิจกรรม/โครงงาน/โครงการ
                
                 งานบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนร่วม


               ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1


โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา
อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
คำนำ

การจัดจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์บูรณาการกับกิจกรรม การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social Service Activity) เป็นการนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคมในลักษณะของกิจกรรม/โครงงาน/โครงการ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์โดยในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ ต่อโรงเรียนและชุมชน และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน และในระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลายเป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ ประโยชน์ต่อสังคมและโลก และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติเพื่อ ประโยชน์ต่อสังคมและโลก


      กิจกรรมโครงการ บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนร่วม
1.ที่มาและความสำคัญ
เพื่อที่จะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งตนเองและผู้อื่นซึ่งทำให้เกิความสุขทั้งทางกายและจิตใจ ซึ่เป็นสิ่งที่พวกเราไม่เคยคิดจะทำมาก่อน  แต่ก็มีการรวมกลุ่มกันเพื่อให้ชุมชนนั้นพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ด้วยการเก็บขยะในชุมชนเพื่อทำให้ชุมชนสะอาดแลละเป็นหน้าเป็นตาแก่ชุมชน ซึ่งขยะในชุมชนนั้นในปัจจุบันมีมากมาย โดยที่เราจะเริ่มจากการเก็บขยะภายในโรงเรียนซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้แต่หากเราร่มมือกัอาจจะทำให้โรงเรียนสะอาดไม่มากก็น้อย
       2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อปฏิบัติกิจกรรมที่เกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของตนเอง
2.2 เพื่อรวมกลุ่มกันปฏิบัติกิจกรรมบริการสังคมและสาธารณะ
2.3 เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
      3. เป้าหมาย
3.1 เชิงคุณภาพ งานดำเนินไปได้ด้วยดี
3.2 เชิงปริมาณ ใช้คนจำนวน 6 คน
      4. ระยะเวลาดำเนินการ
วันที่ 8 เดือน กันยายน พ.ศ.2557ถึงวันที่………เดือน………….………..………
      5. ขั้นตอนการดำเนินการ

       ชื่อกิจกรรมโครงการ บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนร่วม 

                    ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2557

วัน เดือน ปี
กิจกรรม
ผู้รับผิดชอบ
เวลา (ชั่วโมง

-รวมกลุ่มสมาชิก



-ร่วมวางแผนทำกิจกรรม



-กำหนดขอบข่ายและวางแผนการดำเนินกิจกรรมพัฒนาโรงเรียน/ชุมชน/ท้องถิ่น/ประเทศ/โลก




-นำเสนอแผนดำเนินกิจกรรมต่อครูที่ปรึกษา



วัน เดือน ปี
กิจกรรม
ผู้รับผิดชอบ
เวลา (ชั่วโมง

-เขียนโครงการ



-เตรียมแบ่งงานในความรับผิดชอบ



-กิจกรรมที่
 เก็บขยะ

   20 นาที

-กิจกรรมที่
  สอนการบ้านรุ่นน้อง

  30 นาที

-กิจกรรมที่
  ช่วยเพื่อนทำงานที่ยังไม่เสร็จ

  20 นาที

-กิจกรรมที่
  ทำความสะอาดตามสถานที่ต่างๆ

  1 ชั่วโมง

-สรุปผลการดำเนินงาน



รวบรวมและส่งหลักฐานการทำกิจกรรมโครงงาน/โครงการ ต่อครูที่ปรึกษา



-จัดป้ายนิเทศแสดงผลงานระดับโรงเรียน



6. งบประมาณ (ระบุรายละเอียดค่าใช้จ่าย)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
                                                                รวมเงิน ……………………. บาท
7. สถานที่ดำเนินการ
โรงเรียน ชำนาญสามัคคีวิทยา อำเภอแกลง จังหวัด ระยอง
8. ผู้รับผิดชอบ
8.1.ด.ช.ชานนท์ ใจดี            ชั้น ม.3/1 เลขที่ 1
8.2.ด.ช.ธนดล สิทธิบุศย์        ชั้น ม.3/1 เลขที่ 3
8.3.ด.ช.บุญญากร เนาวรัตน์    ชั้น ม.3/1 เลขที่ 5
8.4.ด.ช.ภูตะวัน วิจิตรกูล        ชั้น ม.3/1 เลขที่ 9
8.5.ด.ช.สิทธิพงษ์ สิงห์ทอง     ชั้น ม.3/1 เลขที่ 10

และรายชื่อดังเอกสารที่แนบ
9. ครูที่ปรึกษา
อาจารย์  อภันตรี  ฉลอง
10. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
10.1 มีความสามัคคีในหมู่คณะ
10.2 มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
10.3 ขยะลดลงไม่มากก็น้อย
11. ปัญหาและแนวทางแก้ไข
นะตอนนี้ขยะในโรงเรียนมีมากขึ้นเนี่องจากขาดจิตสำนึกในการร่วมมือกันเพื่อรักษาความสะอาดของโรงเรียนแนวทางแก้ไขคือปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษาความสะอาดของชุมชน

 ลงชื่อบุญญากร เนาวรัตน์ ผู้เสนอ
       (ด.ช.บุญญากร เนาวรัตน์ )                  ประธานโครงการ


ลงชื่อ อภันตรี ฉลอง ครูที่ปรึกษา
     (นาง อภันตรี ฉลอง)
            ผู้เห็นชอบ
 ลงชื่อรองฯ มานพ  สัสอุดม 
        กลุ่มบริหารวิชาการ
     (นายมานพ  สัสอุดม)
             ผู้เห็นชอบ
 ลงชื่ออัมพร  อิสสราลัก
  ผู้อำนวยการโรงเรียน
( นายอัมพร  อิสสราลัก)
           ผู้อนุมัติ


หลักฐานการดำเนินงาน
1. การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ
หน้าที่
1.ด.ช.ชานนท์ ใจดี            ชั้น ม.3/1 เลขที่ 1
2.ด.ช.ธนดล สิทธิบุศย์        ชั้น ม.3/1 เลขที่ 3
3.ด.ช.บุญญากร เนาวรัตน์    ชั้น ม.3/1 เลขที่ 5
4.ด.ช.ภูตะวัน วิจิตรกูล        ชั้น ม.3/1 เลขที่ 9
8.5.ด.ช.สิทธิพงษ์ สิงห์ทอง     ชั้น ม.3/1 เลขที่ 10
2. บันทึกการปฏิบัติงาน
วัน เดือน ปี
รายการปฏิบัติงาน
ลายมือชื่อผู้บันทึก



































3. แบบประเมิน

ชื่อกิจกรรมโครงงาน บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนร่วม 
คำชี้แจง : ให้ทำเครื่องหมาย P ในช่องรายการประเมินเพียงตัวเลือกเดียว

รายการประเมิน
เกณฑ์การประเมิน
ดีมาก
ดี
 ปานกลาง
พอใช้
ปรับปรุง
1. ผู้เรียนกำหนดกิจกรรมตามความสนใจของตนเองและเป็นประโยชน์ต่อสังคม





2. ผู้เรียนพบที่ปรึกษาเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำกิจกรรม





3. ผู้เรียนมีการวางแผน ดำเนินการตามแผน และแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ





4. ผู้เรียนบันทึกการจัดทำกิจกรรมเป็นระยะๆ





5. ผู้เรียนทุกคนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรม





6. ผู้เรียนเขียนรายงานตามเค้าโครงการเขียนรายงานได้อย่างครอบคลุม ครบถ้วน สะท้อนให้เห็นแผนการดำเนินงาน ผลการทำกิจกรรมและผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรม ตลอดกระบวนการ มีการบันทึกการทำกิจกรรม รายการกิจกรรม สถานที่ วัน/เดือน/ปี ประเภทกิจกรรม จำนวนชั่วโมง ผลลัพธ์โดยรวม ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและการแก้ไขปัญหาอุปสรรคนั้นๆ





7. ผู้เรียนแสดงหลักฐานยืนยันความสำเร็จสอดคล้องกับผลการเรียนรู้





8. ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินที่ทางโรงเรียนกำหนด





รวม






ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………….

ผลการประเมิน              ผ่าน             ไม่ผ่าน
                                                      ลงชื่อ.............................................................ครูที่ปรึกษา
                                                                (.........................................................)
                               ผู้ประเมิน

4. ข้อคิดเห็นของผู้รับบริการ หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
    ......................................................................................
    ......................................................................................
5. ภาพกิจกรรมประกอบคำบรรยาย
    .....................................................................................
    .....................................................................................
    

คู่มือการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์:IS3
สาระการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง:IS





กลุ่มบริหารวิชาการ
การจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา







โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา  อำเภอแกลง  จังหวัดระยอง

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18