กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ : IS3
**************************
กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์: IS3 เป็นกิจรรมที่นำความรู้ หรือประยุกต์ใช้ความรู้จากสิ่งที่ศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้จากรายวิชาเพิ่มเติม
(IS1, IS2) ไปสู่การปฏิบัติ ในการสร้างสรรค์ โครงงาน /โครงการต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือบริการสังคม ชุมชน ประเทศหรือสังคมโลก
มีการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ วางแผนการทำงาน และตรวจสอบความก้าวหน้า วิเคราะห์
วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการโดยใช้กระบวนการกลุ่มเพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดสร้างสรรค์
เป็นกิจกรรมที่ให้มีความตระหนักรู้ มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
เป้าหมายการดำเนินกิจกรรม
1. วิเคราะห์องค์ความรู้จากการเรียนใน IS1 และ
IS2 เพื่อกำหนดแนวทางไปสู่การปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
(Public service)
2. เขียนเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ เค้าโครง กิจกรรม/โครงงานและแผนปฏิบัติโครงงาน / โครงการ
3. ปฏิบัติตามแผนและตรวจสอบความก้าวหน้าทางการปฏิบัติโครงงาน/โครงการ
4. ร่วมแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิพากษ์ การปฏิบัติโครงงาน/โครงการ
5. สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม/โครงงาน/โครงการ และแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ต่อผลการปฏิบัติงานหรือกิจกรรม ซึ่งแสดงถึงการตระหนักรู้
มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
สามารถปรับให้เหมาะสมกับความสนใจ ระดับชั้นของผู้เรียน และบริบทความพร้อมของโรงเรียน
แนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
********************************
โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยาได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social
Service Activity) ตามหลักการ แนวดำเนินการ ลักษณะและขั้นตอนการดำเนินการ
ดังนี้
1.หลักการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ มีหลักการจัดดังนี้
1.1นำความรู้ หรือประยุกต์ใช้ความรู้จากสิ่งที่ศึกษาค้นคว้า ไปสู่การปฏิบัติในการสร้างสรรค์โครงงาน/โครงการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือบริการสังคม ชุมชน ประเทศและสังคมโลก
1.2เน้นให้ผู้เรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน ออกแบบการจัดกิจกรรม มีการกำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์ วางแผนการปฏิบัติ ปฏิบัติกิจกรรมตามแผน และตรวจสอบความก้าวหน้า ร่วมสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรมวิเคราะห์วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม
1.3มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ : IS3 มีทักษะการคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้ ตระหนักรู้ มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
1.1นำความรู้ หรือประยุกต์ใช้ความรู้จากสิ่งที่ศึกษาค้นคว้า ไปสู่การปฏิบัติในการสร้างสรรค์โครงงาน/โครงการต่างๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือบริการสังคม ชุมชน ประเทศและสังคมโลก
1.2เน้นให้ผู้เรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน ออกแบบการจัดกิจกรรม มีการกำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์ วางแผนการปฏิบัติ ปฏิบัติกิจกรรมตามแผน และตรวจสอบความก้าวหน้า ร่วมสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรมวิเคราะห์วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม
1.3มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ : IS3 มีทักษะการคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้ ตระหนักรู้ มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
2.แนวดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ผู้เรียนทุกคน
ต้องเข้าร่วมปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ดังนี้
2.1 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 -ม.3) จำนวน 20 ชั่วโมง กิจกรรมภายในโรงเรียน หรือภายนอกโรงเรียน เป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ
2.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 -ม.6) จำนวน 20 ชั่วโมง เลือกกิจกรรมภายในโรงเรียน หรือภายนอกโรงเรียน เป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมและโลก และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ
2.1 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 -ม.3) จำนวน 20 ชั่วโมง กิจกรรมภายในโรงเรียน หรือภายนอกโรงเรียน เป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ
2.2 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 -ม.6) จำนวน 20 ชั่วโมง เลือกกิจกรรมภายในโรงเรียน หรือภายนอกโรงเรียน เป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมและโลก และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติ
3.
ลักษณะการทำโครงงาน โครงการ กิจกรรม แบ่งได้ 3 ลักษณะ
3.1 จัดกิจกรรมตามองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์
3.2 จัดกิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนนำเสนอ ต่อโรงเรียน เพื่อขอความเห็นชอบในการจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม ซึ่งมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ชัดเจน มีการรายงานผลและเผยแพร่เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม
3.3 จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอื่น หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานหรือองค์กรอื่น ๆ
3.1 จัดกิจกรรมตามองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์
3.2 จัดกิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนนำเสนอ ต่อโรงเรียน เพื่อขอความเห็นชอบในการจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม ซึ่งมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ชัดเจน มีการรายงานผลและเผยแพร่เมื่อเสร็จสิ้นโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม
3.3 จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอื่น หมายถึง กิจกรรมที่ผู้เรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานหรือองค์กรอื่น ๆ
4.
ขั้นตอนการทำโครงงาน โครงการ กิจกรรม ดังนี้
4.1 ผู้เรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน
4.2 นักเรียนร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม กำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์ วางแผน การปฏิบัติ
4.3 ให้นักเรียนจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม และเสนอขอความเห็นชอบจากครูที่ปรึกษา ระดับชั้น และขออนุมัติจากผู้บริหาร โดยครูที่ปรึกษากำกับติดตามอย่างใกล้ชิด
4.4 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามแผน และตรวจสอบความก้าวหน้า ร่วมสรุปและประเมินผลและรายงานผลการจัดกิจกรรม วิเคราะห์ วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม
4.5 ประกวดพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ โครงการ โครงงาน และกิจกรรม
4.1 ผู้เรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาร่วมกัน
4.2 นักเรียนร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม กำหนดเป้าหมายวัตถุประสงค์ วางแผน การปฏิบัติ
4.3 ให้นักเรียนจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม และเสนอขอความเห็นชอบจากครูที่ปรึกษา ระดับชั้น และขออนุมัติจากผู้บริหาร โดยครูที่ปรึกษากำกับติดตามอย่างใกล้ชิด
4.4 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามแผน และตรวจสอบความก้าวหน้า ร่วมสรุปและประเมินผลและรายงานผลการจัดกิจกรรม วิเคราะห์ วิจารณ์ผลที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมหรือโครงงาน/โครงการ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม
4.5 ประกวดพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ โครงการ โครงงาน และกิจกรรม
การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
(Child Centered) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงฝึกฝนทักษะต่างๆและร่วมเรียนรู้ตลอดกระบวนการ
เป็นActive Learner อย่างแท้จริง การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่
โดยการถ่ายโอนประสบการณ์เดิมและความรู้ที่มีอยู่ในตัวผู้เรียนแล้ว
(Transformation of experience) การเรียนรู้เกิดขึ้นจากกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถใช้ประสบการณ์เดิมในการทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน
เพื่อสร้างการเรียนรู้ใหม่ และเพื่อปรับกระบวนการตัดสินใจในการทำหรือไม่ทำ....ในครั้งต่อไป มีหลักสำคัญดังนี้
1. เป็นการเรียนรู้ที่อาศัยประสบการณ์ของผู้เรียน
2. ทำให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆที่ท้าทายอย่างต่อเนื่องและเป็นการเรียนรู้ที่เรียกว่า
Active Learning
3. มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
4. ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการขยายตัวของเครือข่ายความรู้และประสบการณ์ที่ทุกคนมีอยู่ออกไปอย่างกว้างขวาง
5. มีการสื่อสารโดยการพูดหรือการเขียนเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยน วิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้
พฤติกรรม ผลงาน ประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียนผ่านการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ มีหลากหลาย
กล่าวคือ
ผู้เรียนสามารถ
-
มองเห็นลู่ทางการนำองค์ความรู้เชิงวิชาการที่เรียนมาแล้ว ทักษะการดำรงชีวิตหลากหลายที่เคยได้รับการเสริมสร้าง
เช่น ทักษะสังคม (Social skill) ทักษะส่วนบุคคล
(Personal skill) ประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตจริง
-
นำประโยชน์และคุณค่าที่แท้จริงจากการเรียนรู้สู่ทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น
-
รู้ความสามารถศักยภาพของตนเองที่แตกต่างกับผู้อื่น
- สามารถตัดสินใจที่เกิดผลจริงและตรงบนพื้นฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ มิใช่การคาดเดา
(real result)
-
พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา และการคิดวิเคราะห์
- พัฒนาสำนึกความรับผิดชอบ (responsibility and accountability ) และรับผิดชอบ ในการกระทำของตนเอง
5. วงจรการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
(The cycle of experiential learning)
สาระสำคัญแต่ละขั้นตอนในวงจรการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
1. ขั้นวางแผน (Plan) เป็นการเริ่มต้นการทำกิจกรรมการเรียนรู้
ประกอบด้วยการกำหนดเป้าหมายความสำเร็จและทำความกระจ่างในเป้าหมาย รวมทั้งการตัดสินใจว่าจะใช้องค์ความรู้และประสบการณ์เดิมที่แต่ละคนมี
อยู่มาใช้อย่างไร (how)
2. ขั้นลงมือปฏิบัติ (Act) เป็นขั้นลงมือปฏิบัติกิจกรรม
/ เรียนรู้เพื่อบรรลุเป้าหมายและผลการเรียนรู้ โดยใช้ประสบการณ์เดิมที่เป็นรูปธรรม/องค์ความรู้ที่มีอยู่เป็นฐานในการเรียนรู้ใหม่
3. ขั้นสังเกต (Observe/Analyze) เป็นขั้นการวิเคราะห์การรับรู้ของผู้เรียน
ให้ผู้เรียนได้สังเกตและใคร่ครวญถึง ความรู้สึกของตนเองรวมทั้งปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้เรียนกับสมาชิกในกลุ่มและผู้เกี่ยวข้องอื่น
ๆ ทั้งนี้ ประสบการณ์จะแปรเปลี่ยนเป็นการเรียนรู้ก็ต่อเมื่อเจ้าของประสบการณ์ได้ใคร่ครวญถึงอารมณ์
ความคิดและการกระทำของตนเองในเหตุการณ์นั้นๆ ไม่ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแต่ผ่านพ้นและจบลงไป
4. ขั้นสะท้อน (Reflect) เป็นขั้นสะท้อนให้เห็นถึงสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน ประเด็นสำคัญที่ได้เรียนรู้
องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นผู้เรียน จุดแข็งและความท้าทายของแต่ละคน รวมทั้งเป็นขั้นการประเมินการปฏิบัติของผู้เรียน
สังเคราะห์ความรู้ ความเข้าใจใหม่ๆ นับเป็น ขั้นตอนที่สำคัญยิ่งของวงจรการเรียนรู้เชิงประสบการณ์
ความสามารถในการสะท้อน (Reflection) การเรียนรู้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
แต่มีความจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาและสั่งสมประสบการณ์จากการฝึกฝนและชี้แนะ ทั้งนี้เทคนิคสำคัญ
คือ การใช้คำถาม ในระยะเริ่มต้นอาจใช้คำถามพื้นฐานพื้นฐานง่าย ๆ เช่น
“ตัวเรา เพื่อน นักเรียนอื่นๆ วางแผนจะทำอะไร”
“ ตัวเรา เพื่อน นักเรียนอื่นๆ ทำอะไร คิดอย่างไรกับกิจกรรมที่ทำ”
“ตัวเรา เพื่อน นักเรียนอื่นๆ รู้สึกอย่างไร ได้เรียนรู้อะไร กิจกรรมที่ทำมีคุณค่าอย่างไร”
“ผลที่เกิดกับตัวเรา เพื่อน และเพื่อนนักเรียนอื่นๆ ทีมงานและคนอื่น ๆ คืออะไร”
“ได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรม สิ่งที่ได้เรียนรู้นำไปใช้ในวงกว้างอย่างไร”
ทั้งนี้ สิ่งที่ควรตระหนักในการใช้คำถาม
คือ ความยากไม่ได้อยู่ที่การตั้งคำถาม แต่อยู่ที่ความซับซ้อนของคำตอบที่ตามมา
5. ประยุกต์ (Apply) เป็นการนำผลการเรียนรู้ประสบการณ์และองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่
ๆ และใช้ในชีวิตประจำวัน
David A. Kolb อธิบายว่า
กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์
กล่าวคือ เมื่อบุคคลได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งและได้เห็นผลของการกระทำนั้น ก็จะเกิดความเข้าใจและนำไปสู่การคาดการณ์ในคราวต่อๆไปว่าหากมีเหตุการณ์อย่างนี้ก็จะมีผลตามมาอย่างนั้น
บุคคลจะสั่งสมความเข้าใจถึงเหตุและผลของการกระทำที่เกิดต่างกรรมต่างวาระไปจนสามารถสรุปเชื่อมโยงเป็นหลักการที่สามารถนำไปอธิบายปรากฏการณ์อื่นๆที่ใกล้เคียงกัน
และนำไปสู่การทดลองหลักการนั้นๆว่าได้ผลอย่างไรในสถานการณ์ใหม่ๆ หัวใจของการเรียนรู้แบบนี้อยู่ที่การได้มีประสบการณ์ตรงซึ่งจะเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นในการก่อรูปเป็นองค์ความรู้ใหม่
6. บทบาทหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง
การดำเนินการของโรงเรียนบทบาทหน้าที่ของฝ่ายบริหาร
ในการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โรงเรียนจะต้องดำเนินการ ในเรื่องต่อไปนี้
1. โรงเรียนจะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้เรียน
2. โรงเรียนกำหนดหัวข้อโครงงาน ( Project Work ) จำนวนหนึ่งและจัดทำเป็นรายการโครงงานอย่างเป็นระบบ
( Directory ) สำหรับให้ผู้เรียนเลือกดำเนินการในแต่ละปีการศึกษาหรือผู้เรียนนำเสนอกิจกรรม/โครงการ/โครงงานตามความสนใจ
3. ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมตามที่ระบุไว้ในโครงงานภายใต้การดูแลของครูที่ปรึกษา
4. ครูที่ปรึกษาควบคุมดูแลกำกับติดตามการดำเนินงานต่างๆ ให้กิจกรรม บรรลุเป้าหมาย
5. ครูผู้สอน/ที่ปรึกษาและผู้เรียนร่วมกันประเมินผลการทำกิจกรรม
โดยให้นักเรียนประเมินตนเองเกี่ยวกับประโยชน์ที่เกิดต่อตนเอง และต่อผู้อื่น และให้นักเรียนประเมินผลที่ตนเองและผู้อื่นรวมทั้งสังคมได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม
ภาระหน้าที่ของครูผู้สอนหรือครูที่ปรึกษา
1. ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกติกาและข้อกำหนดของกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ กับผู้เรียน
2.
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองจากการทำกิจกรรมพร้อมให้ข้อคิดเห็น
3.
สนับสนุนการคิดและทำกิจกรรมของผู้เรียนและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
โดยช่วยประสานหน่วยงานอาสาสมัครต่างๆ
4. ประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน รายงานผลให้ผู้เกี่ยวข้อง
บทบาทหน้าที่ของผู้เรียน
เพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์
ดังกล่าว ผู้เรียนจะต้องมีการวางแผน บริหารจัดการตนเอง ในสิ่งต่างๆต่อไปนี้
-
ทบทวนตนเองตั้งแต่เริ่มต้นของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายของการทำงานของตนเอง
โดยผู้เรียนควรจะตั้งคำถามต่อไปนี้กับตนเอง ได้แก่
1.
ผู้เรียนสามารถบอกลักษณะหรืออธิบายเกี่ยวกับกิจกรรม
2. กิจกรรมที่คิดขึ้นจะให้ประสบการณ์อะไร ทำไมจึงเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่
สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือ และกิจกรรมอาสาสมัครช่วยสังคมได้อย่างไร
3.
ผู้เรียนสามารถระบุบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมได้หรือไม่
4.
ผู้เรียนวางแผนวัดและประเมินผลกิจกรรมไว้อย่างไร
5. ผู้เรียนได้คำนึงถึงทักษะและความรอบรู้ที่ให้เกิดเป็นผลสัมฤทธิ์จากการเข้าร่วมกิจกรรม
6. ผู้เรียนสามารถบอกได้หรือไม่ว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการทำกิจกรรม
7. ใครเป็นผู้ช่วยเหลือ ให้การสนับสนุน
8. ผู้เรียนได้คะแนนหรือค่าตอบแทนสำหรับการทำกิจกรรมนี้หรือไม่
และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถ
คิดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ผู้เรียนจะต้องบอกได้ว่า
กิจกรรมนี้เป็นบทบาทใหม่ของผู้เรียนหรือไม่ อย่างไร เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้จริงหรือไม่
เป็นกิจกรรมที่เกิดผลอย่างแท้จริงกับตัวผู้เรียนเองและผู้อื่นหรือไม่ ผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรจากการทำกิจกรรม
กิจกรรมที่ผู้เรียนสร้างสรรค์ขึ้นให้ประโยชน์อะไรแก่ผู้อื่น และอย่างไร ผู้เรียนได้อะไรในระหว่างการทำกิจกรรม
- วางแผน ดำเนินงานตามแผนที่กำหนดและพิจารณาผลหรือบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรม
- เขียนรายงานเกี่ยวกับการทำกิจกรรมทั้งหมดและประสบการณ์จากการทำกิจกรรมและผลที่ได้รับจาก
การทำกิจกรรม
- เขียนรายงานเกี่ยวกับการทำกิจกรรม ทั้งหมดรวมทั้งประสบการณ์จากการทำกิจกรรมและผลที่
ได้รับจากการทำกิจกรรมและจากตัวกิจกรรมเอง
- เผยแพร่กิจกรรมพร้อมแสดงหลักฐานประกอบโดยใช้สื่อประเภทต่างๆ ได้แก่ หนังสือพิมพ์
บล็อก
( blog ) รูปภาพ เว็บไซต์ (
Website ) หรือเอกสารอื่นๆ เป็นต้น
6. การวัดและประเมินผลกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์
การประเมินเพื่ออนุญาตให้ผู้เรียนทำโครงการ/โครงงาน/กิจกรรม ที่ผู้เรียนนำเสนอ
ผู้รับผิดชอบจะต้องมีเกณฑ์การพิจารณา โดยทั่วไปแล้ว สถานศึกษาจะใช้เกณฑ์
(Criteria) 4 ประการ พิจารณากิจกรรมดังนี้
1. กิจกรรมที่ทำได้จริง
มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
2. กิจกรรมท้าทายความสามารถส่วนบุคคลของผู้เรียนแต่ละคนต้องทำให้ขอบข่ายภาระงานทั้งหมดที่กำหนดไว้เสร็จสิ้นทุกประการ
3. กิจกรรมที่มีการคิดวางแผนการทำงานของตนเองอย่างเป็นระบบ
ตั้งแต่การวางแผน การทบทวนกิจกรรม การรายงานความก้าวหน้า และการรายงานผลการดำเนินการ
4. กิจกรรมที่เกิดผลลัพธ์
(Outcomes) และผลการเรียนรู้รวมทั้งประสบการณ์ที่ได้รับจากการบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด
การวัดและประเมินผลการทำกิจกรรม
ในการวัดและประเมินผลการทำกิจกรรม
กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ไม่มีการวัดและประเมินผลที่เป็นผลสัมฤทธิ์เหมือนกับการวัดและประเมินผลการเรียนสาระการเรียนรู้
แต่ผู้เรียนจะต้องเขียนรายงานผลการดำเนินงานให้มีเค้าโครง ในสาระต่อไปนี้
1. ผู้เรียนได้ทำกิจกรรมอะไร
2. ทำกิจกรรมดังกล่าวร่วมกับใคร
3. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรม
4. และประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำกิจกรรมสิ่งที่ผู้เรียนถือเป็นคุณค่า
(Values) ที่ได้รับจากกระบวนการทำกิจกรรม
5. ผู้เรียนมีความคิดเห็นอย่างไร
กับการได้ทำกิจกรรม
6. ผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวผู้เรียน
7. ผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้ร่วมงาน/ทีมงาน
8. และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้อื่น
นอกจากรายงานเกี่ยวกับผลการเรียนรู้ 8 ประเด็นดังกล่าวแล้ว ผู้เรียนสามารถแสดงผลงาน
โดยใช้เอกสารอื่นๆ ประกอบ ได้แก่ บันทึกการทำกิจกรรม บล็อก (blog) แผ่นซีดี (CD) ภาพถ่าย วีดิทัศน์ ดีวีดี
(DVD) การเล่าเรื่องด้วยภาพถ่าย (Photo Essay) หรือ Portfolio เป็นต้น เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าผู้เรียนได้รับประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งต่าง
ๆ ได้อย่างบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของกิจกรรมตามที่กำหนดครบถ้วนทุกประการและเกิดประโยชน์จากการปฏิบัติกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์
การตรวจสอบประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรม
กิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพต้องเป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนริเริ่มสร้างสรรค์ด้วยตนเองตามความสนใจ
ผู้เรียนลงมือปฎิบัติและมีส่วนร่วมในกิจกรรมตลอดกระบวนการภายใต้การดูแลสนับสนุนของครูที่ปรึกษา
ตั้งแต่ขั้นการวางแผน ลงมือปฎิบัติตามแผน การวิเคราะห์ สังเคราะห์ การสะท้อนผลการดำเนินการควรจัดทำรายการสิ่งที่ผู้เรียนต้องดำเนินงานตามขั้นตอน
และให้ผู้เรียนตรวจสอบความเข้าใจในกระบวนการทำงานของตนเอง ทั้งนี้หากพบว่ามีขั้นตอนใดที่ผู้เรียนยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้
ครูที่ปรึกษา/ผู้สอนสามารถให้คำแนะนา อย่างเป็นระบบ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างการจัดกิจกรรมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3 (Social Service Activity)
|
กิจกรรม
|
ชั่วโมง
|
หมายเหตุ
|
||||
1
|
วิเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อกำหนดแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน
เช่น
-สิ่งแวดล้อม
-ปัญหาและผลกระทบต่อวิถีชีวิต
การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม
-การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-แนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
(เลือกเฉพาะเรื่องที่สนใจจะอนุรักษ์) ฯลฯ
|
3
|
จำนวนชั่วโมงขึ้นอยู่กับบริบทของโรงเรียน
|
||||
2
|
วางแผนการทำกิจกรรม เพื่อนำความรู้ไปสร้างประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน
โดยจัดทำรายละเอียดและตารางเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการ / โครงงาน / กิจกรรมที่จะดำเนินการ
เช่น
-โครงการเผยแพร่ความรู้
เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-โครงการรณรงค์สร้างจิตสานึก
เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-โครงการผลิตสื่อการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ฯลฯ
|
2
|
|||||
3
|
ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินที่กำหนด
เช่น
-ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินการดำเนินงานโครงการเผยแพร่ความรู้
เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินการดำเนินงานโครงการรณรงค์สร้างจิตสำนึก
เรื่อง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
-ปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินการดำเนินงานโครงการผลิตสื่อการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ฯลฯ
|
10
|
|||||
4
|
สรุปผลการดำเนินกิจกรรม
เช่น
-บันทึกผลการดำเนินกิจกรรม
-สะท้อนความคิดเห็นของตน
/ ชุมชนในการทำกิจกรรม
-อภิปรายและสรุปผลการดำเนินกิจกรรม
ฯลฯ
|
2
|
|
กิจกรรม
|
ชั่วโมง
|
หมายเหตุ
|
||||
5
|
เผยแพร่ผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย
เช่น
-จัดทำแผ่นพับเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำเว็บไซต์ หรือเผยแพร่ผลงานในเว็บไซต์
-จัดทำ
Facebook หรือเผยแพร่ผลงานใน Facebook
-จัดทำป้ายนิเทศ
หรือไวนิลเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำ
CD DVD เผยแพร่ผลงาน
-จัดนิทรรศการเผยแพร่ผลงาน
ฯลฯ
|
3
|
|||||
รวม
|
20
|
ตัวอย่างกิจกรรมจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3
(Social Service Activity) เรื่อง สิ่งแวดล้อม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้นักเรียนนำองค์ความรู้ที่ศึกษาค้นคว้ามาใช้ในการหาแนวทางและวิธีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับตนเอง
ชุมชน สังคมและโลก
2. เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติการเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
3. เพื่อปลูกฝังเรื่อง ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
ผลงาน (เปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกตามความสนใจ ความถนัด และความสามารถ)
-จัดทำแผ่นพับเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำเว็บไซต์ หรือเผยแพร่ผลงานในเว็บไซต์
-จัดทำ Facebook หรือเผยแพร่ผลงานใน Facebook
-จัดทำป้ายนิเทศ หรือไวนิลเผยแพร่ผลงาน
-จัดทำ CD DVD เผยแพร่ผลงาน
-จัดนิทรรศการเผยแพร่ผลงาน
วิธีดำเนินการ
1. ครูชี้แจงและแจ้งวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
บูรณาการกับกิจกรรมการนาองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3
(Social Service Activity)
2. นักเรียนวิเคราะห์องค์ความรู้ เพื่อกำหนดแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน
3. นักเรียนวางแผนการทำกิจกรรม เพื่อนำความรู้ไปสร้างประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน
โดยจัดทำรายละเอียดและตารางเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการ / โครงงาน / กิจกรรมที่จะดำเนินการ
4. นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินที่กำหนด
5. นักเรียนสรุปผลการดำเนินกิจกรรม
6. นักเรียนเผยแพร่ผลงานในรูปแบบที่หลากหลาย
7. ครูและนักเรียนร่วมกันประเมินผลงาน และสรุปบทเรียน
สื่อและอุปกรณ์
(เลือกให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่จัด)
วัสดุ
อุปกรณ์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ของจริง ของจำลอง
การวัดและประเมินผล
1. การสังเกตและตรวจผลงาน / การปฏิบัติจริง
2. แบบประเมินและเกณฑ์การประเมินผลงาน / การปฏิบัติจริง
สมุดบันทึกกิจกรรม
เพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์บูรณาการกับกิจกรรม
การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3
(Social Service Activity)
ชื่อกิจกรรม/โครงงาน/โครงการ
งานบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนร่วม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3/1
โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา
อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25
คำนำ
การจัดจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์บูรณาการกับกิจกรรม การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม : IS3
(Social Service Activity) เป็นการนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคมในลักษณะของกิจกรรม/โครงงาน/โครงการ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์โดยในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์ประโยชน์
ต่อโรงเรียนและชุมชน และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อโรงเรียนและชุมชน และในระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลายเป็นการนำความรู้ไปประยุกต์สร้างสรรค์
ประโยชน์ต่อสังคมและโลก และเผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติเพื่อ
ประโยชน์ต่อสังคมและโลก
กิจกรรมโครงการ บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนร่วม
1.ที่มาและความสำคัญ
เพื่อที่จะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งตนเองและผู้อื่นซึ่งทำให้เกิความสุขทั้งทางกายและจิตใจ
ซึ่เป็นสิ่งที่พวกเราไม่เคยคิดจะทำมาก่อน แต่ก็มีการรวมกลุ่มกันเพื่อให้ชุมชนนั้นพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ด้วยการเก็บขยะในชุมชนเพื่อทำให้ชุมชนสะอาดแลละเป็นหน้าเป็นตาแก่ชุมชน
ซึ่งขยะในชุมชนนั้นในปัจจุบันมีมากมาย
โดยที่เราจะเริ่มจากการเก็บขยะภายในโรงเรียนซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้แต่หากเราร่มมือกัอาจจะทำให้โรงเรียนสะอาดไม่มากก็น้อย
2. วัตถุประสงค์
2.1 เพื่อปฏิบัติกิจกรรมที่เกิดจากความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของตนเอง
2.2 เพื่อรวมกลุ่มกันปฏิบัติกิจกรรมบริการสังคมและสาธารณะ
2.3 เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3. เป้าหมาย
3.1 เชิงคุณภาพ
งานดำเนินไปได้ด้วยดี
3.2 เชิงปริมาณ
ใช้คนจำนวน 6 คน
4. ระยะเวลาดำเนินการ
วันที่ 8
เดือน กันยายน พ.ศ.2557ถึงวันที่………เดือน………….………พ.ศ.………
5. ขั้นตอนการดำเนินการ
ชื่อกิจกรรมโครงการ บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนร่วม
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2557
วัน
เดือน ปี
|
กิจกรรม
|
ผู้รับผิดชอบ
|
เวลา
(ชั่วโมง
|
|
-รวมกลุ่มสมาชิก
|
||||
-ร่วมวางแผนทำกิจกรรม
|
||||
-กำหนดขอบข่ายและวางแผนการดำเนินกิจกรรมพัฒนาโรงเรียน/ชุมชน/ท้องถิ่น/ประเทศ/โลก
|
||||
-นำเสนอแผนดำเนินกิจกรรมต่อครูที่ปรึกษา
|
||||
วัน
เดือน ปี
|
กิจกรรม
|
ผู้รับผิดชอบ
|
เวลา
(ชั่วโมง
|
|
-เขียนโครงการ
|
||||
-เตรียมแบ่งงานในความรับผิดชอบ
|
||||
-กิจกรรมที่
1
เก็บขยะ |
20 นาที
|
|||
-กิจกรรมที่
2
สอนการบ้านรุ่นน้อง |
30 นาที
|
|||
-กิจกรรมที่
3
ช่วยเพื่อนทำงานที่ยังไม่เสร็จ |
20 นาที
|
|||
-กิจกรรมที่
4
ทำความสะอาดตามสถานที่ต่างๆ |
1 ชั่วโมง
|
|||
-สรุปผลการดำเนินงาน
|
||||
รวบรวมและส่งหลักฐานการทำกิจกรรมโครงงาน/โครงการ
ต่อครูที่ปรึกษา
|
||||
-จัดป้ายนิเทศแสดงผลงานระดับโรงเรียน
|
6. งบประมาณ (ระบุรายละเอียดค่าใช้จ่าย)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
รวมเงิน ……………………. บาท
7. สถานที่ดำเนินการ
โรงเรียน
ชำนาญสามัคคีวิทยา อำเภอแกลง จังหวัด ระยอง
|
8. ผู้รับผิดชอบ
8.1.ด.ช.ชานนท์ ใจดี ชั้น ม.3/1 เลขที่ 1
8.2.ด.ช.ธนดล สิทธิบุศย์ ชั้น ม.3/1 เลขที่
3
8.3.ด.ช.บุญญากร
เนาวรัตน์ ชั้น ม.3/1
เลขที่ 5
8.4.ด.ช.ภูตะวัน
วิจิตรกูล ชั้น
ม.3/1 เลขที่ 9
8.5.ด.ช.สิทธิพงษ์
สิงห์ทอง ชั้น ม.3/1 เลขที่
10
และรายชื่อดังเอกสารที่แนบ
9. ครูที่ปรึกษา
อาจารย์ อภันตรี
ฉลอง
10. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
10.1 มีความสามัคคีในหมู่คณะ
10.2 มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคม
10.3 ขยะลดลงไม่มากก็น้อย
11. ปัญหาและแนวทางแก้ไข
นะตอนนี้ขยะในโรงเรียนมีมากขึ้นเนี่องจากขาดจิตสำนึกในการร่วมมือกันเพื่อรักษาความสะอาดของโรงเรียนแนวทางแก้ไขคือปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษาความสะอาดของชุมชน
ลงชื่อบุญญากร เนาวรัตน์ ผู้เสนอ
(ด.ช.บุญญากร เนาวรัตน์ ) ประธานโครงการ
|
ลงชื่อ
อภันตรี ฉลอง ครูที่ปรึกษา
(นาง อภันตรี ฉลอง)
ผู้เห็นชอบ
|
ลงชื่อรองฯ
มานพ สัสอุดม
กลุ่มบริหารวิชาการ
(นายมานพ สัสอุดม)
ผู้เห็นชอบ
|
ลงชื่ออัมพร อิสสราลัก
ผู้อำนวยการโรงเรียน ( นายอัมพร อิสสราลัก)
ผู้อนุมัติ
|
หลักฐานการดำเนินงาน
1. การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ
หน้าที่
1.ด.ช.ชานนท์ ใจดี ชั้น ม.3/1 เลขที่ 1
2.ด.ช.ธนดล สิทธิบุศย์ ชั้น ม.3/1 เลขที่ 3
3.ด.ช.บุญญากร เนาวรัตน์ ชั้น ม.3/1 เลขที่ 5
4.ด.ช.ภูตะวัน วิจิตรกูล ชั้น ม.3/1 เลขที่ 9
8.5.ด.ช.สิทธิพงษ์ สิงห์ทอง ชั้น ม.3/1 เลขที่ 10
2. บันทึกการปฏิบัติงาน
วัน เดือน ปี
|
รายการปฏิบัติงาน
|
ลายมือชื่อผู้บันทึก
|
3. แบบประเมิน
ชื่อกิจกรรมโครงงาน บำเพ็ญประโยชน์แก่ส่วนร่วม
คำชี้แจง : ให้ทำเครื่องหมาย P ในช่องรายการประเมินเพียงตัวเลือกเดียว
คำชี้แจง : ให้ทำเครื่องหมาย P ในช่องรายการประเมินเพียงตัวเลือกเดียว
รายการประเมิน
|
เกณฑ์การประเมิน
|
||||
ดีมาก
|
ดี
|
ปานกลาง
|
พอใช้
|
ปรับปรุง
|
|
1. ผู้เรียนกำหนดกิจกรรมตามความสนใจของตนเองและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
|
|||||
2. ผู้เรียนพบที่ปรึกษาเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำกิจกรรม
|
|||||
3. ผู้เรียนมีการวางแผน ดำเนินการตามแผน และแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ
|
|||||
4. ผู้เรียนบันทึกการจัดทำกิจกรรมเป็นระยะๆ
|
|||||
5. ผู้เรียนทุกคนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติกิจกรรม
|
|||||
6. ผู้เรียนเขียนรายงานตามเค้าโครงการเขียนรายงานได้อย่างครอบคลุม ครบถ้วน สะท้อนให้เห็นแผนการดำเนินงาน
ผลการทำกิจกรรมและผลสัมฤทธิ์ของกิจกรรม ตลอดกระบวนการ มีการบันทึกการทำกิจกรรม รายการกิจกรรม
สถานที่ วัน/เดือน/ปี ประเภทกิจกรรม จำนวนชั่วโมง
ผลลัพธ์โดยรวม ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและการแก้ไขปัญหาอุปสรรคนั้นๆ
|
|||||
7. ผู้เรียนแสดงหลักฐานยืนยันความสำเร็จสอดคล้องกับผลการเรียนรู้
|
|||||
8. ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมตามปฏิทินที่ทางโรงเรียนกำหนด
|
|||||
รวม
|
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………….
ผลการประเมิน
ผ่าน
ไม่ผ่าน
ลงชื่อ.............................................................ครูที่ปรึกษา
(.........................................................)
ผู้ประเมิน
4. ข้อคิดเห็นของผู้รับบริการ
หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
......................................................................................
......................................................................................
5. ภาพกิจกรรมประกอบคำบรรยาย
.....................................................................................
.....................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
5. ภาพกิจกรรมประกอบคำบรรยาย
.....................................................................................
.....................................................................................
คู่มือการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์:IS3
สาระการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง:IS
กลุ่มบริหารวิชาการ
การจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา
โรงเรียนชำนาญสามัคคีวิทยา อำเภอแกลง
จังหวัดระยอง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18